“ลุมพินี วิสดอม” ระบุสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าก่อสร้างปรับตัวเพิ่มขึ้น 3-5% ส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2565 ขณะที่การเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งอาคารชุดและบ้านพักอาศัยในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เดือน ม.ค.-ก.พ. 2565 มีจำนวนหน่วยเปิดตัวเพิ่มขึ้น 133%(YoY)เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปี 2564 โดยมีจำนวนหน่วยเปิดตัวทั้งหมด 15,767 หน่วย คิดเป็นมูลค่ารวม 45,770 ล้านบาท โดยลดลง 23%(YoY) เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 2564
จากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ในช่วงต้นปี 2565 ส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น 3-5% ผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นที่กระทบด้านการขนส่ง และต้นทุนการผลิต สอดคล้องกับแนวโน้มของเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจากอัตราราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และธนาคารแห่งประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานประมาณ 0.25-0.5% ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 ทำให้มีแนวโน้มการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย กระทบต่อกำลังซื้อชะลอตัวในลูกค้าบางกลุ่ม จากสภาพเศรษฐกิจและภาคการส่งออก และกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบต่อตลาดอสังหาฯในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2565
ถึงแม้ต้นทุนค่าก่อสร้างจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ผลจากการที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ชะลอแผนเปิดตัวโครงการในปี 2564 ส่งผลให้มีปริมาณสินค้าในตลาดลดลง ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ มีแผนเปิดตัวโครงการเพิ่มขึ้นในปี 2565 โดยมีการเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยใหม่ ในเขต กรุงเทพฯ-ปริมณฑล สะสมเดือน ม.ค.-ก.พ. หน่วยเพิ่มขึ้น 133%(YoY) แต่มูลค่าลดลง 23%(YoY) โดยมีจำนวนหน่วยเปิดตัวทั้งหมด 15,767 หน่วย มูลค่า 45,770 ล้านบาท เนื่องจากในปีก่อนมีโครงการเปิดตัวใหม่ที่มีมูลค่าสูงอย่าง The Forestias หากไม่นับรวมโครงการ The Forestias จะมีหน่วยและมูลค่าที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่เพิ่มขึ้น 209% และ 69%(YoY) ตามลำดับ
การเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในม.ค.-ก.พ.2565 เป็นการเปิดตัวโครงการอาคารชุดพักอาศัย จำนวน 13 โครงการ จำนวน 12,625 หน่วย เพิ่มขึ้น 227%(YoY) เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.-ก.พ.2564 คิดเป็นมูลค่ารวม 30,247 ล้านบาท นับเป็นสัดส่วน 80% ของหน่วยเปิดตัวที่อยู่อาศัยรวมทั้งหมด โดยระดับราคาอาคารชุดพักอาศัยที่เปิดตัวมากสุดอยู่ที่ระดับราคา 1-2 ล้านบาท คิดเป็น 50.64% ของการเปิดตัวโครงการอาคารชุดพักอาศัยในเดือน ม.ค.-ก.พ. 2565เฉพาะเดือน ก.พ. 2565 เป็นการเปิดตัวโครงการอาคารชุดพักอาศัย 6 โครงการ คิดเป็นจำนวนหน่วยเปิดตัว 6,990 หน่วย โดยมีอาคารชุดพักอาศัยเปิดตัวในพื้นที่รอบนอกกรุงเทพมหานครมากขึ้น เช่น โซนบางนา และโซนรถไฟฟ้าสายสีเขียว มีการเปิดตัวโครงการที่มีจำนวนยูนิตมากกว่า 5,000 ยูนิต
ในขณะที่การเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เดือนม.ค.-ก.พ. 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 17 โดยมีจำนวนหน่วยเปิดตัวทั้งสิ้น 3,142 หน่วย เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น 8%(YoY) เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.-ก.พ. 2564 คิดเป็นมูลค่าการเปิดตัวบ้านพักอาศัย 15,523 ล้านบาท โดยที่ทาวน์เฮาส์ ช่วงราคา 2-5 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยเปิดตัวและหน่วยขายได้สูงที่สุดของบ้านพักอาศัยทุกประเภท อัตราขายได้เฉลี่ย 14% ในทำเล ชัยพฤกษ์ บางนา-สุวรรณภูมิ สายไหม ลำลูกกา รองลงมาคือ บ้านเดี่ยว ช่วงราคา 6-10 ล้านบาท อัตราขายได้เฉลี่ย 12% ในทุกทำเลรอบตัวเมืองกรุงเทพฯ ได้แก่ ประชาอุทิศ บางนา-สุวรรณภูมิ วัชรพล-รามอินทรา และเป็นโครงการระดับพรีเมี่ยม 3 โครงการ 235 หน่วย มูลค่า 1,700 ล้านบาท อัตราขายได้เฉลี่ย 2%
จากการสรุปผลประกอบการบริษัทอสังหาฯในปี 2564 ของ 36 บริษัทอสังหาฯจดทะเบียน รายได้รวมลด กำไรพุ่ง โดยมีรายได้รวม 281,004.29 ล้านบาท ลดลง 1.28%(YoY) ในขณะที่กำไรสุทธิรวม 34,718.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.40%(YoY) ความสามารถในการทำกำไรโดยเฉลี่ย 12.35% เพิ่มขึ้น 9.35%(YoY)ผู้ประกอบการอสังหาฯเริ่มกลับมาพัฒนาโครงการที่มีการชะลอตัวจากปี 2564 และเปิดตัวโครงการใหม่เข้าสู่ตลาดมากขึ้น จากสินค้าคงเหลือและที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ลดลง 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนธ.ค. 2564 เป็นแนวโน้มว่าผู้บริโภคเริ่มมีกำลังซื้อกลับมาสู่ตลาด โดยบ้านพักอาศัยแนวราบยังคงมาแรง ในกลุ่มบ้านพักอาศัยราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท