3 Mega-Trend ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในปี 2565 ความเป็นส่วนตัว-สุขภาพ-เทคโนโลยี

แนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยและงานบริการในปี 2565 จากการระบาดของโคโรน่าไวรัสสายพันธ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ตั้งแต่ปี 2563-ปัจจุบัน ทำให้พฤติกรรมของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยเปลี่ยนแปลงไป

Date

ธันวาคม 7, 2021

Author

Product & Service Research and Development Center

Contract: ll.usaporn@lpn.co.th ,nt.yaichompoo@lpn.co.th

Source : ข้อมูลการสำรวจบริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LWS)

จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ผนวกเข้ากับภาวะโลกร้อน ปัญหา ฝุ่น PM 2.5 ทำให้ผู้คนตระหนักว่าบ้าน อาคารและเมืองมีส่วนสำคัญในการจัดการเชื้อโรค และมีผลต่อสุขอนามัยอย่างมาก เป็นศูนย์กลางในการดำเนินชีวิตและเป็นจุดเริ่มต้นของสุขภาพทางกายและจิตใจ แต่เพียงแค่การออกแบบอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอาจไม่เพียงพออีกต่อไป

ปัจจุบันมาตรฐานการออกแบบอาคารที่ส่งเสริมสุขภาวะของคนจึงเป็นมาตรฐานใหม่ในการออกแบบที่อยู่อาศัย โดยคำนึงถึงสุขอนามัยที่ดี โดยปัจจุบันมีการนำมาตรฐานการออกแบบที่เรียกว่า WELL Building Standard จาก International WELL Building Institute (IWBI) ประกอบด้วยแนวทางการออกแบบอาคาร 10 ด้านที่ต้องคำนึงถึงเพื่อสุขภาพของผู้ใช้อาคาร ประกอบด้วย อากาศ น้ำ โภชนาการ แสงสว่าง การเคลื่อนไหว สภาวะน่าสบาย เสียง วัสดุอาคาร จิตใจ และชุมชน

  • แนวทางข้างต้นสามารถนำมาปรับใช้กับการออกแบบบ้านและอาคารคอนโดมิเนียมได้ เช่น
  • การออกแบบช่องเปิดเพื่อการระบายอากาศที่ดีและเปิดรับแสงธรรมชาติอย่างเหมาะสม
  • มีบริเวณสำหรับปลูกพืชผักสวนครัวเล็กๆเพื่อเพิ่มการกินผักและพื้นที่ปลูกต้นไม้ยังส่งเสริมสภาพจิตใจ
  • ออกแบบทางเดินหรือบันไดให้น่าเดินเพื่อส่งเสริมให้คนเคลื่อนไหวมากขึ้น
  • ลดเสียงดังรบกวนจากภายนอกอาคารด้วยการปลูกต้นไม้ตามทิศทางของเสียง
  • หรือแม้แต่การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ตอบรับกับสรีระเพื่อลดอาการปวดเมื่อย (Ergonomic) เป็นต้น

นอกจากที่พักที่มีการออกแบบที่เหมาะสมแล้ว บริการก็เป็นสิ่งเติมเต็มส่งเสริมสุขภาวะที่ดีในการอยู่อาศัย เช่น บริการดูแลสุขภาพคนในชุมชนร่วมกับโรงพยาบาลใกล้บ้าน บริการตู้รับคืนขยะรีไซเคิลอัตโนมัติ บริการจัดมุมต้นไม้ในพื้นที่พักอาศัย บริการทำความสะอาด อุปกรณ์เครื่องใช้ พ่นฆ่าเชื้อ กำจัดไรฝุ่น บริการนวดแผนไทยที่บ้าน แก้อาการออฟฟิศซินโดรม เป็นต้น

Source : ข้อมูลการสำรวจบริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LWS)

เพราะพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป นโยบายการทำงานที่บ้านหรือกระจายศูนย์เป็นที่ดึงดูดคนทำงานมากขึ้น ก่อให้เกิดการตั้งคำถามของคนถึงการเดินทางไปทำงานที่เสียเวลามากเกิน จนถึงความจำเป็นที่ต้องอาศัยอยู่ในเมืองอย่างแออัด จนเกิดกระแส Rural Revival คือการที่ประชากรกลับไปใช้ชีวิตในพื้นที่ชานเมืองหรือชนบทมากขึ้น มองหาการใช้ชีวิตที่มีความแออัดน้อยลง นักวางผังเมืองเริ่มให้ความสนใจกับแนวคิด “เมือง 15 นาที” คือการปรับเมืองเล็กๆให้เป็นเหมือนกับหมู่บ้านหรือย่านที่พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของคนในพื้นที่ และเข้าถึงได้โดยง่ายแม้แต่การเดินหรือจักรยาน

การออกแบบที่อยู่อาศัยในวงการอสังหาริมทรัพย์จึงควรตอบรับกับแนวคิด “เมือง 15 นาที” นี้มากขึ้น เช่นการตั้งโครงการอยู่นอกเมืองแต่ใกล้กับแหล่งชุมชน มีพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับชุมชนมากขึ้น รวมไปถึงการจัดเตรียมพื้นที่ที่ก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์กับระหว่างกลุ่มผู้อาศัย และมีพื้นที่สาธารณูปโภคที่ครบครัน นอกจากในด้านเมืองแล้ว เมื่อพิจารณาถึงพื้นที่พักอาศัยเช่นห้องชุดหรือบ้าน ในวันที่ทุกคนถูกจำกัดให้ใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านหรือห้องพักอาศัย ต้องทำงานที่บ้าน (WFH) และไม่สามารถออกไปใช้พื้นที่สาธารณะได้ ทำให้คนกลับมาสนใจพื้นที่บ้านของตัวเองมากขึ้น เมื่อบ้านยังคงเป็นศูนย์กลางหลักในการดำเนินชีวิต ผู้บริโภคต่างมองว่านอกบ้านได้กลายเป็นส่วนต่อขยายของพื้นที่ภายในบ้านมากขึ้น จึงเกิดการใช้งานใหม่ๆตั้งแต่มุมพักผ่อนไปจนถึงห้องนั่งเล่น บาร์กลางแจ้ง ดังนั้นการออกแบบที่พักอาศัยที่มีพื้นที่ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการใช้งานที่มากไปกว่าแค่การนอนและพักผ่อน ให้เป็นไปตามไลฟ์สไตล์ เช่น สามารถปรับเป็นสตูดิโอถ่ายภาพ จัดสวน เก็บของสะสม หรือทำงานอดิเรกต่างๆ

จากผลสำรวจของ “ลุมพินี วิสดอม” ข้างต้น ในด้านความเป็นส่วนตัวแล้วนั้น ตอบรับกับแนวคิด Rural Revival อย่างมาก โดยผู้อาศัยต้องการโครงการที่มีจำนวนห้องชุดต่อชั้นไม่มาก ไม่พลุกพล่าน ลดความแออัด มีความต้องการพื้นที่ Co-living Space สำหรับทำงานในพื้นที่ส่วนกลางโดยสามารถเว้นระยะห่างกันเพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว อีกทั้งในยุคสมัยที่เวลาถูกใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็สามารถจัดการงานและภารกิจส่วนตัวได้ บริการที่ส่งตรงถึงบ้าน Service Anytime Anywhere เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่เสริม ให้การจัดการทั้งหน้าที่การงาน หน้าที่สำหรับครอบครัว และหน้าที่ส่วนตัว สะดวก และลงตัวยิ่งขึ้น เช่น บริการช่วยดูแลเด็ก , บริการดูแลผู้สูงอายุรายวัน/รายชั่วโมง,บริการพาผู้สูงอายุไปพบแพทย์ บริการล้างรถถึงบ้าน รวมไปถึงบริการอื่นๆที่สอดคล้องกับเรื่องความปลอดภัย และสุขภาพลดการเดินทาง และการสัมผัสเช่น บริการจัดส่งสินค้าถึงห้องโดยเฉพาะสินค้าใช้สอยประจำวัน หรือสินค้ามีน้ำหนัก น้ำดื่ม ข้าวสาร น้ำยาซักล้างต่างๆ เป็นต้น

Source : ข้อมูลการสำรวจบริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LWS)

ในปี 2565 นิตยสาร Forbes ได้คาดการณ์ว่าจะเกิด 10 Digital Transformation Trends ไว้ เช่น นโยบาย Work from home หรือ Work Mega Shift ทำให้เกิดการพัฒนา และใช้งานที่เกี่ยวกับ Smart Work From Home มากยิ่งขึ้น โดย Forbes กล่าวว่าเราอาจจะได้เห็นการอพยพของประชากรจากเมืองหลวงสู่ชนบท ซึ่งส่งผลให้เกิดการลงทุนด้านเครือข่ายและการเชื่อมต่อในพื้นที่ชนบทเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น

Forbes ยังได้คาดการณ์เรื่อง Smart Cars and Cities คือไม่ใช่เพียงรถพลังงานไฟฟ้าจะมีเทคโนโลยีที่ชาญฉลาด แต่เมืองจะต้องพัฒนาโครงสร้างเพื่อตอบรับ smart cars นี้ด้วย เช่นจุดชาร์ทรถไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น การเชื่อมต่อระหว่างรถกับเมืองด้วย IOT ไปจนถึง Privacy คือความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยี รวมถึงกระแส Metaverse อีกด้วย ซึ่งในภาคอสังหาริมทรัพย์ได้มีความเคลื่อนไหวโดย MQDC ได้เข้าร่วมกับโปรเจค Translucia เป็น Property Developer รายแรกที่เข้าไปพัฒนาเมืองในโลกสเมือนจริงแห่งนี้ ซึ่งทำให้เป็นที่น่าจับตามองของวงการอสังหาริมทรัพย์ต่อไปถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนอกจากนี้ยังมีเรื่อง Power of AI ที่จะมีส่วนในชีวิตประจำวันของคนเป็นอย่างมาก เช่น Google Home ที่ผู้ใช้งานมีความเห็นว่าสามารถควบคุมแอปพลิเคชั่นและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในบ้าน ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความสะดวกสบายได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ยังคงมีสืบเนื่องมาตลอดในการออกแบบพื้นที่พักอาศัย

จากข้อมูลการสำรวจความต้องการของกลุ่มคนทำงานที่มีความคาดหวังเกี่ยวกับงานบริการในอาคารชุดของ “ลุมพีนี วิสดอม” พบว่า ผู้อาศัยได้มีความต้องการที่ตอบรับกับกระแสด้านเทคโนโลยี โดยยังมุ่งเน้นในการใช้เทคโนโลยีขั้นพื้นฐานที่ช่วยให้ชีวิตประจำวันสะดวก เช่น IOT ซึ่งเป็นที่ต้องการใช้งานมากขึ้น และด้านความปลอดภัยเช่นการใช้รหัสผ่านแทนกุญแจ ซึ่งสามารถใช้ได้ตั้งแต่ทางเข้าอาคารไปจนถึงห้องชุด รวมถึงสนใจเทคโนโลยีที่ช่วยดูแลควบคุมงานระบบอาคารเพื่อลดการจัดจ้างบุคคลากร และควบคุมการใช้พลังงานที่ช่วยประหยัดค่าส่วนกลางมากขึ้น รวมถึงการเสริมการบริการที่สามารถใช้ผ่าน Platform Online ได้ เช่น บริการพื้นฐานที่มีค่าใช้จ่าย / ไม่มีค่าใช้จ่ายผ่าน Application เช่น การจ่ายบิล ,ตรวจเช็คพัสดุ ,จองห้องส่วนกลาง โดยการการให้บริการที่กลุ่มตัวอย่างคิดว่าเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขแบบเร่งด่วนคือ การพูดคุยโต้ตอบทางโทรศัพท์ / Line OA เช่น การแจ้งซ่อม ,การสอบถามปัญหาต่างๆ ส่วนการรับข่าวสารแจ้งเตือนต่างๆ ลูกค้าสามารถเลือกได้จากการรับการแจ้งเตือนผ่านข้อความอัตโนมัติ และตรวจเช็คปัญหาด้วยตนเองผ่านแอพพลิเคชั่น

ปี 2565 เป็นปีที่จะเห็นภาพของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัย และงานบริการ ที่ให้ความสำคัญกับ 3 Mega-Trend ในเรื่องของสุขอนามัย ความสมดุลในการออกแบบที่อยู่อาศัยที่สอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิต และเทคโนโลยี่ ที่เข้ามามีส่วนในการยกระดับการอยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้อยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไป

Related Blogs

BIM-FM แนวคิดการบริหารทรัพยากรอาคารในอนาคต

BIM-FM คือ ความท้าทายใหม่ที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานฝั่ง FM ด้วยการสนับสนุนจาก BIM เพื่อก้าวสู่ยุค Digital Transformation ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“Well-Being” กับโอกาสในการพัฒนาธุรกิจบริการ

ในสภาวะสังคมในปัจจุบันที่ Covid-19 ยังอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาด เชื้อสายพันธุ์ใหม่มีการพัฒนาตัวเองอยู่เป็นตลอดเวลา ทำให้การระบาดยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะอยู่ในจุดสิ้นสุดในเร็ววัน

ตลาดอสังหาฯ เดือนมกราคม 2565 เติบโต 441%(YoY)

การเปิดตัวโครงการเพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม 2565 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2564 เป็นผลมาจากผู้ประกอบการอสังหาฯ ได้มีการชะลอแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงปลายปี 2564

HomeAbout UsServicesBlog & NewsCareerContact Us